Thursday, April 17, 2014

ดิ ไอริส บางใหญ่ The Iris Bangyai

Iris Group recommends a new project " IRIS Bangyai" chic lifestyle to young people under the " Freedom to live the lifestyle perfection of a new society". Make all units open to a view of nature and a new perspective has widened even more. Emphasizes the airy for habitable rooms designed to meet the needs of consumers in most areas. By design, all units are 1 bedroom with a 6 room 3 styles starting at 24.85 to 41.90 square meters, characterized by a potential location. Away from Khlong Bang Phai train Purple Line just 400 meters meet people who want to get away from the city center. To get the convenience of traveling with multiple routes to the Rathanathibate road , including consideration for the environment. Save Energy with LED Lighting and all units within the project. Emphasize safer with the doors specially designed Laminate Steel Door Lock 13 floors with facilities such as swimming pool, parallel two buildings over 100 meters Iris Arena Fitness Futsal indoor access point WiFi. Service and garden Vertical Garden the garden of external to internal projects seamlessly. Surrounded by shopping new such as Central West Guest , Meca Bangna 2 center shopping source theaters SF Cinema, Big C and Home Pro allows you to connect anywhere. a convenient and fast . The ring road in Bang Khae West. And new motorways Yai - Kanchanaburi To experience the perfect place to live , now the sales office project " IRIS Bang " Chan Tong Road . Prices start from just 1.127 million baht 45,000 baht per square meter


บริษัท ไอริส กรุ๊ป จำกัด ขอแนะนำโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ “ดิ ไอริส บางใหญ่” ไลฟ์สไตล์สุดชิคเพื่อคนรุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิด “ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบ Freedom ความสมบูรณ์แบบของสังคมใหม่ ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตที่ลงตัว” โดยมีการออกแบบผังโครงการให้ทุกอาคารเป็นอิสระต่อกันไม่บดบังทัศนียภาพซึ่งกัน ทำให้ทุกยูนิตสามารถเปิดรับวิวธรรมชาติและมุมมองใหม่ได้กว้างมากยิ่งขึ้น เน้นความโปร่งโล่ง สำหรับห้องพักอาศัยออกแบบให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในพื้นที่มากที่สุด โดยออกแบบให้ทุกยูนิตเป็นแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมด มีรูปแบบห้อง 3 แบบ 6 สไตล์ให้เลือกสรร เริ่มต้นที่ 24.85 – 41.90 ตารางเมตร โดดเด่นด้วยศักยภาพด้านทำเลที่ตั้ง ห่างจากสถานีคลองบางไผ่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง เพียง 400 เมตร ตอบสนองคนรุ่นใหม่ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายใจกลางเมือง ให้ได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางด้วยหลายเส้นทางเข้าสู่ ถ. รัตนาธิเบศร์ รวมทั้งคำนึงถึงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประหยัดไฟฟ้าด้วยหลอดไฟ LED ทุกยูนิตและภายในโครงการ เน้นความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วยประตูห้องที่ออกแบบมาพิเศษ Laminate Steel Door Lock 13 ชั้น พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ สระว่ายน้ำขนาน 2 ตึกยาวกว่า 100 เมตร Iris Arena ฟิตเนส สนามฟุตซอลในร่ม จุดเชื่อมต่อ WiFi Service และสวนพักผ่อน Vertical Garden ให้บรรยากาศสวนจากภายนอกเชื่อมสู่ภายในโครงการได้อย่างลงตัว แวดล้อมด้วยแหล่งช้อปปิ้งแห่งใหม่ อาทิ เซ็นทรัล เวสเกสต์ ศูนย์รวมสุดยอดไลฟ์สไตล์อนาคตแห่งเอเชีย, เมกกะบางนา 2 ศูนย์รวมแหล่งช้อปปิ้งแหล่งใหม่ โรงภาพยนตร์ SF Cinema, Big C และโฮมโปร ให้คุณเชื่อมต่อทุกการเดินทางได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ด้วยถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกตะวันตก และมอเตอร์เวย์สายใหม่ บางใหญ่-กาญจนบุรี ร่วมสัมผัสความลงตัวในการอยู่อาศัยได้แล้ววันนี้ที่สำนักงานขาย โครงการ “ดิ ไอริส บางใหญ่” ถนนจันทร์ทองเอี่ยม ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.127 ล้านบาท เฉลี่ยตารางเมตรละ 45,000 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2920-6699 หรือเว็บไซต์ www.iris.co.th

Wednesday, April 16, 2014

PS Open Plum Condo Rama 2 พฤกษา เรียลเอสเตท เปิด พลัม คอนโด ลุยตลาดย่านพระราม 2

Today Pruksa Real Estate Limited ( the Company ) announced the launch of "Plum Condo Extra Rama 2 (Plum Condo Extra Rama 2)" Under the concept of "Extra Bright Side of. Life " space of 22.87 to 46.23 square meters each furnished with a full set of Modernform a gym and swimming pool, garden and jogging track, bicycle (Bike Lane) organized separately in each phase. Conveniently located near the Rama 2 - up and down the highway . And Central Plaza Rama 2 bathrooms and has brought innovation, new forms of organization used in its construction. This will eliminate the problem of leakage. To maintain and easy to clean toilets than 1.19 million from special book only 999 baht and installment from 1,999 baht, more information please call 1739.


นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ และ นายปิยบุตร เลิศดำริห์การ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว “พลัม คอนโด เอ็กซ์ตร้า พระราม 2 (Plum Condo Extra Rama 2)” ภายใต้คอนเซ็ปต์“Extra Bright Side of Life” ขนาดพื้นที่ใช้สอย 22.87 – 46.23 ตารางเมตร ภายในห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ครบชุดจาก Modernform มีห้องฟิตเนสและสระว่ายน้ำ สวนพักผ่อน ลู่วิ่ง และทางวิ่งจักรยาน (Bike Lane) ที่จัดแยกส่วนในแต่ละเฟส ทำเลเดินทางสะดวกติดถนนพระราม 2 ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน และเซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 2 พร้อมทั้งได้นำนวัตกรรมระบบห้องน้ำจากพันธมิตรรูปแบบใหม่มาใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งจะทำให้หมดปัญหาการรั่วซึม สามารถดูแลรักษาและทำความสะอาดได้ง่ายกว่าห้องน้ำทั่วไป ราคาเริ่มต้น 1.19 ล้าน พิเศษ! จองเพียง 999 บาท และผ่อนเริ่มต้นที่ 1,999 บาท สอบถามข้อมูลโทร 1739

Sunday, September 11, 2011

รฟม.ปิ๊งโมเดลธุรกิจใหม่ เก็บค่าแป๊ะเจี๊ยะเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน


         รฟม.ปิ๊งโมเดลธุรกิจใหม่ เก็บค่าแป๊ะเจี๊ยะเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน นำร่อง "เซ็นทรัล พระราม 9"เป็นรายแรก ทำสัญญา 18 ปี ค่าเช่าปีละ 3 ล้านบาท ขยายผลต่อสายสีม่วง-สีน้ำเงินเปิดทางเช่ายาว 30 ปีเอกชนสนใจเพียบ ทั้งเซ็นทรัล-บิ๊กซีโลตัส-โรงแรมริชมอนด์-อาคารสำนักงานและคอนโดฯ
          นายรณชิต แย้มสอาด รองผู้ว่าการฝ่ายปฏิบัติการและรักษาการผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า เจ้าของอาคารสำนักงานและคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดิน ทั้งสายปัจจุบันและส่วนต่อขยายสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพงบางแค) ต่างสนใจจะขอเช่าพื้นที่สถานีเพื่อเชื่อมอาคารสร้างทางเข้า-ออก
          ซึ่ง รฟม.ได้ใช้โมเดลจากประเทศเกาหลีเป็นต้นแบบ ส่วนหนึ่งเพื่อหารายได้ในเชิงพาณิชย์ จากปัจจุบันมีรายได้ส่วนนี้อยู่ 70 กว่าล้านบาท/ปี ล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2554 ทาง รฟม.ได้ลงนามสัญญากับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนาไนน์ สแควร์ จำกัด ผู้บริหารห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซา สาขาพระราม 9 เพื่อเชื่อมต่ออุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีพระราม 9 ทะลุถึงชั้นใต้ดินของห้างเซ็นทรัล ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างจะเปิดให้บริการภายในปลายปีนี้
          "เป็นครั้งแรกที่ รฟม.ให้เอกชนเช่าพื้นที่เชื่อมอาคาร เราจะใช้โมเดลนี้กับเอกชนรายอื่น ๆ ค่าเช่าจะมีหลายสูตรไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะต้องพิจารณาจากหลายองค์ประกอบ แต่จะอยู่บนพื้นฐานที่ไม่แพงมาก โดยคิดตามขนาดพื้นที่ที่จะใช้คำนวณเป็นตารางเมตร และขึ้นอยู่กับทำเล ถ้าอยู่ในเมืองราคาอาจค่อนข้างสูง แต่ไม่เท่ากับรถไฟฟ้าบีทีเอส หากเป็นแนวสายสีม่วงจะเป็นอีกราคาหนึ่ง" นายรณชิตกล่าวและว่า
          สำหรับระยะเวลาการเช่าจะให้เท่ากับอายุสัมปทานการเดินรถ 30 ปี กรณีศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 9 ซึ่งอยู่ในแนวรถไฟฟ้าเส้นทางเดิม และอายุสัมปทานของ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ (บีเอ็มซีแอล) เหลือเพียง 18 ปี รฟม.ก็จะให้เช่าตามอายุสัมปทานที่เหลือ โดยเซ็นทรัลจะจ่ายค่าเช่าให้ รฟม.เป็นรายปีคิดเป็นเม็ดเงินแล้วอาจมีมูลค่าไม่มากหรือประมาณ 54 ล้านบาทเท่านั้นเนื่องจากเป็นแค่การเชื่อมทะลุผนังสถานีตกปีละไม่ถึง 3 ล้านบาท
          "เราไม่ได้หวังรายได้จากตรงนี้ แต่เป้าหมายคือการเกื้อหนุนทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อป้อนผู้โดยสารซึ่งกันและกัน"
          นายรณชิต เปิดเผยอีกว่า นอกจากห้างเซ็นทรัล พระราม 9 แล้ว ยังมีสถานีพหลโยธินที่ทางเซ็นทรัลได้ขอเช่าพื้นที่สร้างทางเชื่อมอุโมงค์ใต้ดินกับห้างสรรพสินค้าด้วย ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจนขณะที่สายสีม่วงที่กำลังก่อสร้างอยู่นั้นมีกำหนดจะเปิดบริการปลายปี 2557 ล่าสุดมีหลายสถานีที่เอกชนติดต่อเข้ามาเพื่อขอสร้างทางเชื่อมต่อ เช่น สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี มีห้างเทสโก้โลตัส, สถานีศรีพรสวรรค์ มีห้างบิ๊กซีคาร์ฟูร์ และโรงแรมริชมอนด์, สถานีแยกนนทบุรี 1 มีห้างเซ็นทรัล สาขารัตนาธิเบศร์ ฯลฯ
          ส่วนในแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมีเอกชนสอบถามเข้ามามาก โดยเฉพาะช่วงถนนจรัญสนิทวงศ์ และเพชรเกษมซึ่งเป็นทั้งเจ้าของอาคารและคอนโดฯเช่นกัน
          นอกจากการเชื่อมสถานีกับอาคารต่าง ๆ แล้ว รฟม.ยังคิดค่าเช่ากับเอกชนที่ต้องการใช้ที่ดินเปิดทางเข้า-ออกด้วยล่าสุด บมจ.อสมท จะขอเช่าพื้นที่บริเวณถนนเทิดพระเกียรติใกล้ศูนย์ซ่อม รฟม.เพื่อเปิดทางที่ดินของบริษัทจำนวน 50 ไร่ ซึ่งปัจจุบันยังเป็นที่ดินตาบอดเพื่อสร้างทางเข้า-ออก และขอเชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคตรองรับแผนลงทุนโครงการคอมเพล็กซ์มูลค่า 12,000 ล้านบาทของ อสมทในอนาคต
          นางประไพ ทยานุวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์โฮมมาร์ท จำกัดผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์วัสดุตกแต่ง "แกรนด์โฮมมาร์ท" หนึ่งในผู้ประกอบการที่ขอเชื่อมทางกับ รฟม.กล่าวว่า ได้ติดต่อเชื่อมทางกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีม่วงที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง เนื่องจากจะมีการก่อสร้างสถานีบริเวณด้านหน้าโชว์รูมแกรนด์โฮมมาร์ท สาขารัตนาธิเบศร์ โดยได้รับการอนุมัติจาก รฟม.แล้ว และอยู่ระหว่างขั้นตอนการพูดคุย
          รายละเอียดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมทางมีค่าใช้จ่าย 2 ส่วนคือ 1.ค่าธรรมเนียมเชื่อมทางแรกเข้า และ 2.ค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายเป็นรายปี แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป
          อย่างไรก็ตาม กรณีค่าธรรมเนียมแรกเข้าค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมน่าจะไม่เกิน 3 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมรายปีก็ไม่ควรจะเกินปีละ 500,000-600,000 บาท เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงไม่ได้วิ่งผ่านในเมือง แต่เป็นเส้นทางเชื่อมต่อจังหวัดนนทบุรี


ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 12 - 14 ก.ย. 2554--

Monday, January 11, 2010

BST sell Condo for government and state enterprise employees บสท. เปิดบูธขายคอนโดเลควิว สำหรับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ

กรุงเทพฯ--11 ม.ค.--บสท.
บสท. ปลุกตลาด NPA ปี 53 เปิดบูธศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ คัดคอนโดวิวสวยที่สุดริมทะเลสาปเมืองทองธานีกว่า 400 ห้อง ราคาโดนใจเพียงตารางเมตรละหมื่นกว่าบาท พร้อมยื่นเงื่อนไขผ่อนสบายๆ เอาใจข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ เผยแผนขายทรัพย์ปี 53 หลังยอดขายทรัพย์ปี 52 ทะลุเป้ากว่าหมื่นล้าน

นายสาธิต รังคศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะประธานกรรมการบริหารคนใหม่ของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา บสท. มีนโยบายประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐ ด้วยการนำเสนอทรัพย์สินรอการขายที่มีศักยภาพของ บสท. เสนอขายให้กับหน่วยงานของรัฐในลักษณะของรัฐต่อรัฐภายใต้ราคาและเงื่อนไขพิเศษ เพื่อให้นำไปใช้ประโยชน์ต่อส่วนรวมและเพื่อช่วยเหลือสังคม อาทิ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี (อบจ. จันทบุรี) และสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เทศบาลนครนนทบุรี เป็นต้น ซึ่งในปีนี้เราก็ยังคงเดินหน้านโยบายประสานความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งได้ต่อยอดนโยบายในการนำทรัพย์สินที่มีศักยภาพของ บสท. ให้เข้าถึงข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งบุคลากรสังกัดหน่วยงานของรัฐอีกด้วย โดยการมอบโปรโมชั่นพิเศษสำหรับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ให้สามารถเป็นเจ้าของห้องชุดพักอาศัยในคอนโดมิเนียมเลควิวที่เมืองทองธานี แจ้งวัฒนะได้ง่ายยิ่งขึ้น

นางจุไรรัตน์ ปันยารชุน กรรมการผู้จัดการ บสท. กล่าวว่า งานมหกรรม “ลงทุนอย่างฉลาด สร้างโอกาสสู่ความมั่งคั่งกับทรัพย์สิน บสท. สำหรับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ” นี้ เป็นโครงการพิเศษที่ บสท. ตั้งใจมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่สำหรับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ โดย บสท. ได้คัดเลือกทรัพย์สินประเภทห้องชุดคอนโดมิเนียม เลควิว ทำเลดีวิวสวยริมทะเลสาปเมืองทองธานี มาจำหน่ายในราคาเพียงตารางเมตรละ 10,000 กว่าบาท ซึ่งนับว่าเป็นราคาที่ถูกที่สุดในย่านนี้ ทำให้ขณะนี้มีผู้สนใจจำนวนมากและสามารถจำหน่ายไปได้แล้วกว่า 60 ห้อง สำหรับห้องชุดคอนโดมิเนียม เลควิวนี้ตั้งอยู่ใน 3 อาคาร ได้แก่ อาคารสุพีเรีย จำนวน 97 ห้อง วิคตอเรีย จำนวน 72 ห้อง และริเวียร่า จำนวน 229 ห้อง รวมทั้งสิ้นกว่า 400 ห้อง มูลค่ารวมประมาณ 530 ล้านบาท โดยมีพื้นที่ให้เลือกหลายขนาดตามความต้องการตั้งแต่ 50-120 ตารางเมตร พิเศษสุดสำหรับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ บสท. มอบโปรโมชั่นผ่อนสบายๆ ด้วยการวางเงินมัดจำเพียง 10% ในวันทำสัญญา จากนั้นผ่อนชำระเงินดาวน์ 30% ได้นานถึง 10 เดือน สำหรับส่วนที่เหลืออีก 60% ชำระพร้อมโอนใน 1 ปีนับจากวันทำสัญญา โดยผู้ซื้อสามารถเข้าอยู่ได้ทันทีหลังทำสัญญา นอกเหนือจากโปรโมชั่นดังกล่าวแล้ว ผู้ซื้อทรัพย์สินของ บสท. ยังจะได้รับสิทธิ์ยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมการโอน ทั้งนี้ บสท. จะเปิดบูธให้บริการ ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา บริเวณชั้น 1 โซนทิศใต้ (หน้าธนาคารกสิกรไทยและธนาคารกรุงศรีอยุธยา) เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม - 31 มีนาคม 2553 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8.30-17.00 น. ผู้สนใจที่ต้องการชมทรัพย์สินก่อนการตัดสินใจซื้อ บสท. ได้อำนวยความสะดวกลูกค้าโดยจัดให้มีรถบริการรับ-ส่งจากศูนย์ราชการฯไปยังห้องชุดคอนโดมิเนียมเลควิว สัปดาห์ละ 2 วัน

สำหรับผลการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายในปี 2552 ที่ผ่านมา บสท. สามารถจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ได้กว่า 11,300 ล้านบาท ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยทรัพย์สินที่จำหน่ายได้ประมาณร้อยละ 40 เป็นทรัพย์สินที่จำหน่ายให้แก่หน่วยงานภาครัฐและทรัพย์รายใหญ่มูลค่าสูงกว่า 50 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 60 เป็นทรัพย์สินขนาดกลางมูลค่า 20-50 ล้านบาทและทรัพย์รายย่อย รวมทั้งการจำหน่ายผ่านสมาชิกนักขายของ บสท. ตัวอย่างทรัพย์สินเด่นที่จำหน่ายได้ในปี 2552 ที่ผ่านมา อาทิ ห้องชุดสำนักงาน อาคารไอทีเอฟ ถนนสีลม ที่ดินเปล่า เนื้อที่ 12 ไร่ ติดถนนพระราม 9 กรุงเทพฯ ที่ดินเปล่าริมทะเล เนื้อที่ 17 ไร่ อ. หัวหิน จ. ประจวบฯ ที่ดินเปล่าบริเวณสามแยกสนามบินน้ำ ติด ถ.ติวานนท์ เนื้อที่กว่า 26 ไร่ โรงแรมเจมส์ชะอำ จ. เพชรบุรี เป็นต้น สำหรับระยะเวลาที่เหลืออีก 17 เดือนข้างหน้า ก่อนที่ บสท. จะหมดวาระและปิดตัวลงในปี 2554 ตามกฎหมาย บสท.ได้วางแผนกลยุทธ์ในเชิงรุกอย่างต่อเนื่องเพื่อเร่งระบายทรัพย์สินที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุด โดยในปี 2553 นี้ บสท. ได้เปิดบูธเพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารทรัพย์สินรอการขายของ บสท. (Information Booth) บริเวณอาคารผู้โดยสาร ชั้น 2 สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อขยายช่องทางการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขวางยิ่งขึ้น รวมทั้งวางแผนการขายแบบเฉพาะเจาะจง ด้วยการจัดงานมหกรรมใหญ่ 2 ครั้ง ในไตรมาสที่ 1 และ 2 โดยจะคัดทรัพย์สินที่มีศักยภาพเสนอขายแก่นักลงทุนในราคาพิเศษ และการเดินสาย Roadshow อย่างต่อเนื่อง ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 10 ครั้ง ส่วนแคมเปญพิเศษดาวน์น้อยผ่อนสบายกับที่ดินเปล่าทำเลดีทั่วประเทศ ราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท ซึ่ง บสท. จัดขึ้นในปี 2552 นั้น เนื่องจากได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างมาก บสท. จึงขยายระยะเวลาโปรโมชั่นออกไปอีก 3 เดือนจนถึงวันที่ 31 มีนาคม ศกนี้ สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2553 บสท. จะดำเนินการจัดกองทรัพย์สินรอการขาย เพื่อทำการจำหน่ายก่อนการยุบเลิก

Sunday, January 10, 2010

LPN open 8 project 13 billion ตลาดคอนโดคึกรับแผนบีโอไอ แอลพีเอ็นผุด8โครงการโกยขาย1.3หมื่นล้าน

"แอลพีเอ็น" ประกาศลุยโครงการใหม่ 6-8 โครงการ หวังโกยยอดขายสิ้นปีทะลุ 13,000 ล้าน โชว์ยอดขายปี 52 พุ่งสวนกระแสเศรษฐกิจทรุดกวาดยอดขายกว่า 10,000 ล้าน ล่าสุดแย้มแผนรุกเน้นสร้างแบรนด์เข้าถึงผู้บริโภค หวังสร้างความต่างในตลาด เลิกเน้นกลยุทธ์ขายถูก เล็งตลาดคอนโดฯ ยังรุ่ง มาตรการบีโอไอหนุน
นายโอภาส ศรีพยักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 6-8 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทเข้าทำตลาด เพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัย โดยในส่วนของไตรมาสแรกมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่เข้ามาทำตลาดจำนวน 3 โครงการ คือ ลุมพินี คอนโดทาวน์ บางแค, ลุมพินี เพลส พระราม 9 เฟส 2 และลุมพินี เพลส พหลฯ-รัชดาฯ ซึ่งภายหลังจากที่บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่เข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปีมียอดขายเป็นไปตามเป้าหมายได้ประมาณ 13,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 20%

สำหรับภาพรวมรายได้ปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายกว่า 10,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2551 ที่ 20% ส่งผลให้มียอดรับรู้รายได้กว่า 8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% แม้เกิดปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง แต่บริษัทยังสามารถผลักดันยอดขายเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากบริษัทปรับแผนการตลาดด้วยการหันมาควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งจากแผนการดำเนินการดังกล่าวประกอบกับบริษัทได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดีจากการเปิดตัวโครงการใหม่เข้าทำตลาด โดยเฉพาะโครงการลุมพินีคอนโดทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์, ลุมพินี พาร์ค ปิ่นเกล้า และลุมพินี วิลล์ ลาดพร้าว-โชคชัย 4 ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึงกว่า 30%

"แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ นอกจากเน้นการเปิดตัวโครงการใหม่เข้าทำตลาดแล้ว บริษัทจะเน้นเรื่องการสร้างแบรนด์ของแอลพีเอ็นให้เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ด้วยการทำกิจกรรมการตลาดและโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด ซึ่งจากเดิมเน้นเรื่องทำเลและการสร้างคอนโดฯ ราคาถูกเป็นหลัก เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าที่เข้ามาพักอาศัยคอนโดฯ ของแอลพีเอ็นแล้วกว่า 1 แสนคน เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนวิกฤติเศรษฐกิจที่มีลูกค้าหลักหมื่นคนเท่านั้น" นายโอภาสกล่าว

ส่วนแนวโน้มของตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้ยังคงมีอัตราการเติบโตดี เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่มีที่พักอาศัยเป็นของตัวเองและต้องการซื้อคอนโดมิเนียมอีกมาก ประกอบกับปีนี้มีมาตรการส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งจะเป็นตัวผลักดันให้ธุรกิจอาคารชุดพักอาศัยระดับล่างเติบโตมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน จากการที่ปีที่ผ่านมามีผู้ประกอบการหลายรายชะลอการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เข้าทำตลาด เชื่อว่าในปีนี้ผู้ประกอบการจะออกมาเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่มากขึ้น และส่งผลให้ตลาดเติบโตหากไม่มีปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองเกิดขึ้น

รายงานข่าวระบุว่า ช่วงปี 52 จำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพิ่มขึ้นถึง 9,426 หน่วย แบ่งเป็นอาคารชุดที่มีทำเลใกล้ศูนย์การค้าและระบบขนส่งขนาดใหญ่ 7,784 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 83% จากจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ทั้งหมด บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 1,117 ยูนิต ทาวน์เฮาส์และอาคารพาณิชย์ 525 ยูนิต.

9 มกราคม 2553 - 00:00 ไทยโพสต์

แอล.พี.เอ็น.บุกรัชโยธิน ซื้อที่เมโทรฯผุดคอนโด


นายฑิฆัมพร เปล่งศรีสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล.พีเอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ตัดสินใจซื้อที่ดินโครงการเมโทร อเวนิว รัชโยธิน ของบริษัท เมโทรสตาร์ พร็อพ เพอร์ตี้ แล้ว โดยจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมขายในราคาเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาทกลางๆ ตามแนวทางที่บริษัทดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน “ราคาเริ่มต้นยังไม่กำหนด ตายตัว คาดว่าจะอยู่ที่ราคาระหว่าง 1.5-1.7 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่บริษัททำอยู่แล้ว โดยจะต้องขอดูตัวสินค้าที่กำลังออกแบบอีกครั้ง ถึงจะสรุปเรื่องราคา แต่เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีอย่างแน่นอน” นายฑิฆัมพร กล่าว

ทั้งนี้ บริษัท เมโทร สตาร์ และบริษัท แอล.พี.เอ็น.ฯ ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ถึงการตกลงซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าว หลังจากที่มีกระแสข่าวมาก่อนหน้านี้ โดยบริษัท เมโทร สตาร์ แจ้งว่า คณะกรรมการได้อนุมัติให้จำหน่ายทรัพย์สินได้แก่ที่ดินเปล่า จำนวน 10 แปลง บริเวณโครงการเมโทร อเวนิว รัชโยธินให้กับบริษัท แอล.พี.เอ็น.ฯ ในราคา 680 ล้านบาท

ขณะที่บริษัท แอล.พี.เอ็น.ฯ แจ้งว่า ได้ซื้อที่ดินขนาด 5,921 ตร.ว. (ประมาณ 14.8 ไร่) จาก บริษัท เมโทร สตาร์ เพื่อนำมาพัฒนาโครงการลุมพินี เพลส รัชโยธินเป็นอาคารชุดพักอาศัย สูง 22 ชั้น จำนวน 4 อาคาร จำนวนประมาณ 1,964 ยูนิต ซึ่งจะมีรายได้ของโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท และมีผลตอบแทนเบื้องต้น 30%

อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวถือว่าราคาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับโครงการที่อยู่ในละแวกเดียวกัน ซึ่งจะทำให้การแข่งขันในย่านดังกล่าวรุนแรงขึ้น

Condo increased 100% opened คอนโดแข่งเดือดเปิดเพิ่ม100%


วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553
โพสต์ทูเดย์ — แอล.พี.เอ็น.คาดปีนี้คอนโดเปิดตัวกระฉูด 5-6 หมื่นหน่วย โตกว่าปีที่แล้วกว่า 100% ส่งผลแข่งขันเดือด
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยว่า บริษัทประเมินว่าในปีนี้จะมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายไม่ต่ำกว่า 5-6 หมื่นหน่วย ขยายตัวจากปีที่ผ่านที่มีคอนโดมิเนียมเปิดขายประมาณ 2.5 หมื่นหน่วย หรือเพิ่มขึ้นกว่า 100% เนื่องจากปีที่ผ่านมามีโครงการเปิดตัวน้อย แต่อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2550 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดคอนโดมิเนียมบูม

สำหรับสาเหตุที่ทำให้มีโครงการอาคารชุดเปิดตัวมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการส่งเสริมตลาดบ้านบีโอไอ ที่เป็นตัวผลักดันตลาดคอนโดมิเนียมระดับล่างให้มีการพัฒนามากขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันและกระแสความนิยมอาคารชุดพักอาศัยที่เกาะตามแนวรถไฟฟ้า ที่เข้ามาเป็นเป็นตัวผลักดันคอนโดมิเนียมระดับกลาง

นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่ ผู้ประกอบการชะลอการเปิดตัวโครงการออกไปในปีก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์และพร้อมจะกลับมาเปิดตัวในช่วงปีนี้ หากไม่มีเหตุการณ์พลิกผันทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนน่าจะอยู่ในภาวะทรงตัว

สำหรับในปี 2553 นี้ เชื่อว่าจากสภาพตลาดที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก จะส่งผลให้การแข่งขันในตลาดคอนโดมิเนียมรุนแรงขึ้น และยังต้องระวังในเรื่องของต้นทุนที่สูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจและการเมืองยังถือเป็นปัจจัยที่เสี่ยงอยู่ในปีนี้

นายโอภาส กล่าวอีกว่า การแข่งขันในตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลาง จะเน้นที่การชิงทำเล ส่วนคอนโดมิเนียมระดับล่างหรือคอนโดมิเนียมบีโอไอ จะเน้นที่ราคาเป็นหลัก โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการเพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริงเป็นหลัก

ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทในปีที่ผ่านมา มียอดขายกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% ส่วนยอดการรับรู้รายได้กว่า 8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% ส่วนในปีนี้ บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการใหม่อีก 6-8 โครงการ โดยตั้งเป้าหมาย ยอดขายไว้ 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 20% จากปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม แผนงานในไตรมาสแรก บริษัทเตรียมเปิดตัว 3 โครงการใหม่ ได้แก่ ลุมพินี คอนโดทาวน์ บางแค ลุมพินี เพลส พระราม 9 เฟส 2 ลุมพินี เพลส พหล-รัชดาฯ ซึ่งเป็นโครงการที่เพิ่งซื้อที่ดินมาจาก บริษัท เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ รวมทั้ง 3 โครงการมูลค่ากว่า 6,100 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทจะเริ่มขยายการลงทุนไปในต่างจังหวัด โดยเตรียมเปิดโครงการแรกที่พัทยา ในราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท จากนั้นจะพิจารณาเปิดโครงการใหม่ๆ ในทำเลที่มีศักยภาพต่อไป