Sunday, January 3, 2010

'ศิริโรจน์ ชาวปากน้ำ' โละบ้านเอื้ออาทร


โครงการบ้านเอื้ออาทร ของการเคหะแห่งชาติ(กคช.) มีปัญหาสะสมมาตั้งแต่สมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี กระทั่งปัจจุบัน ล่าสุด เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2552 ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีมติเห็นชอบให้ผ่อนปรนเงื่อนไขการขายเพื่อ สะสางโครงการ ให้หมดไปภายในปี 2553 โดย รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ "นายศิริโรจน์ ชาวปากน้ำ " ในฐานะมือการตลาด เปิดใจ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงแผนการดำเนินงานดังต่อไปนี้

+++ตั้งเป้าขายปีงบประมาณ 2553
นายศิริโรจน์ กล่าวว่า ได้ตั้งใจขายโครงการบ้านเอื้ออาทร ให้ได้ตามเป้าจำนวน 15,000 หน่วย ภายใน 3 เดือน หรือ ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2553 ( ตุลาคม -ธันวาคม 2552) มาถึงขณะนี้ สามารถขายได้จำนวน 13,500 หน่วย ซึ่งเหลือเวลาอีก 10 วัน ( สัมภาษณ์ ณ วันที่ 18 ธันวาคม 2552) คาดว่าน่าจะได้ตามเป้าที่วางไว้ สำหรับไตรมาสที่ 2 (มกราคม -มีนาคม 2553 ) การเคหะฯ ได้ตั้งเป้าขายอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนจะจัดงานมหกรรมขายบ้านเอื้ออาทรอีกครั้ง ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ระหว่างวันที่ 5-14กุมภาพันธ์ โดยใช้คอนเซ็ปต์ " รักบ้าน รักครอบครัว รักประเทศไทย"
การจัดงานช่วงคาบเกี่ยว วันที่ 12 กุมภาพันธ์ เนื่องจาก เป็นวันคล้ายวันสถาปนาการเคหะแห่งชาติ ครบรอบ 37 ปีพอดี ประกอบกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันวาเลนไทน์ และ วันตรุษจีน การเคหะฯ จึงถือโอกาสดึงวันสำคัญๆ ดังกล่าว จัดงานรวมกันเป็นวาระเดียว สำหรับราคาขายบ้านเอื้ออาทร ที่จะมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาเรื่องการลดราคา หรือปรับขึ้นราคาบ้านในปี 2553 แต่อย่างไรก็ดีการเคหะฯยังยืนราคาขายเดิมไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2553
+++กลยุทธ์การขายมีอะไรบ้าง
ขณะนี้ การเคหะฯ รอ สำนักงานประกันสังคม ซึ่งได้มีการประชุมเพื่อช่วยเหลือโครงการบ้านเอื้ออาทร กรณีที่ การเคหะฯ เสนอว่าจะให้ผู้ประกันตนของประกันสังคมได้มีโอกาสซื้อบ้านเอื้ออาทรในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ดอกเบี้ยคงที่ 5 ปี ในอัตราพิเศษ 2.5 % ซึ่งการเจรจานั้นได้คุยทั้งธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และประกันสังคม โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถซื้อบ้านได้ตั้งแต่ราคา 200,000 บาทต่อหน่วย ถึง 1,500,000 บาทต่อหน่วย ทั้งบ้านในโครงการของการเคหะฯ และโครงการของภาคเอกชน
ทั้งนี้ เพราะสำนักงานประกันสังคม มีเงินที่จะสนับสนุน เกี่ยวกับด้านนี้ ได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท หากผู้ประกันตนซื้อโครงการใดโครงการหนึ่ง ทางสำนักงานประกันสังคมก็สามารถโอนเงินให้เจ้าของโครงการได้ทันที
โดยลูกค้าของประกันสังคมมีอยู่ 3 กลุ่ม คือ 1. ลูกจ้าง 2.นายจ้าง และ3. ผู้ประกันตนอิสระ ซึ่งราคาขายบ้านเอื้ออาทรอยู่ที่ 390,000 บาทต่อหน่วย
+++ลูกค้าขอซื้อยกตึก/ยกโครงการ
นายศิริโรจน์ อธิบายว่า ภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ การเคหะฯ จะส่งจดหมายไปยัง 20 หน่วยงานราชการ เกี่ยวกับการขายยกโครงการ บ้านเอื้ออาทรตามมติครม.
หลังจากนั้นจะให้เวลา 1 เดือนในการตัดสินใจและขายให้เอกชนเป็นลำดับต่อไป
อย่างไรก็ดีจะต้องมีการจ้างบริษัทประเมินทุนทรัพย์ มาประเมินราคาก่อนว่าจะขายได้ในราคาเท่าไหร่สำหรับเอกชน ที่สนใจ
ขณะนี้ ที่ยื่นความจำนงเข้ามา มีอยู่ 3 ประเภท คือ 1.บริษัทพัฒนาที่ดิน ต้องการซื้อไปเพื่อปรับปรุงและขายในอีกราคาหนึ่ง 2. โรงงานอุตสาหกรรม ซื้อไปเพื่อให้เป็นสวัสดิการพนักงานหรือ ให้เช่าต่อ และ 3. ผู้ประกอบธุรกิจหอพักและอพาร์ตเมนต์ เพื่อนำไปพัฒนาและให้เช่าต่อในระยะยาว เป็นต้น
+++บ้านเอื้ออาทรที่ขายยกตึก
มีจำนวน 264 อาคาร จำนวน 12, 655 หน่วย คาดว่าไม่เกิน เดือนเมษายน 2553 จะขายหมด หรือหากคิดเป็นมูลค่าก็ประมาณ 4,935 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ปี 2553 การขายบ้านเอื้ออาทร ได้กำหนดแผนจัดมหกรรมการขาย 3 ครั้ง ได้แก่ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เดือนมิถุนายน และเดือนกันยายน
นอกจากนั้นก็เตรียมเสนอคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ (บอร์ดการเคหะฯ) เรื่องการนำที่ดินที่ไม่ได้สร้างบ้านเอื้ออาทรมาพัฒนาใหม่ ได้แก่ ทำเล บางปู จังหวัดสมุทรปราการ ,วัดกู้ จังหวัดนนทบุรี และที่ร่มเกล้า กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะเป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัยระดับกลางราคาไม่ต่ำกว่า 800,000 บาทต่อหน่วย


จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,491 27-30 ธันวาคม พ.ศ. 2552

No comments:

Post a Comment