Sunday, January 3, 2010

ซีพี แลนด์ ผงาดบิ๊กอสังหาฯ



เปิดแผน 3 ปี "ซีพี แลนด์กรุ๊ป" วาดเป้าขึ้นแท่น 1 ใน 5 ยักษ์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สไตล์"ฮ่องกง แลนด์" ชูโมเดลธุรกิจโตแบบยั่งยืน เตรียมซื้อทรัพย์พร้อมสร้างรายได้ระยะยาวจากค่าเช่า ทั้งพลาซา-สำนักงาน-โรงแรม เล็งผุดสำนักงานใหญ่ซีพี กรุ๊ปมูลค่าหมื่นล้าน หวังปี 53 เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้าลุยตลาดอสังหาฯ ลอนช์โปรเจ็กต์บ้านเดี่ยว 298 ยูนิต ส่วนปีหน้าตั้งเป้ารายได้ 2,000 ล้านบาท
นายสุนทร อรุณานนท์ชัย รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่ดิน เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงแผนธุรกิจในระยะ 3 ปี (ปี 2553-2555) ว่า ได้วางเป้าหมายให้ซีพี แลนด์กรุ๊ป ที่ประกอบด้วยบริษัท ซีพี แลนด์ จำกัด และบริษัทซี.พี. พลาซ่า จำกัด ก้าวขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจติดอันดับ 1 ใน 5 ของไทย ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เหมือนกับบริษัทยักษ์อสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกง อย่างกลุ่มฮ่องกง แลนด์ ที่มีการถือครองทรัพย์สิน และที่ดินจำนวนมาก และมีโครงการบริหารทั้งรูปแบบของสำนักงานให้เช่า และโรงแรม โดยเป็นการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ภายใต้แบรนด์ซีพี

"เป้าหมายอยากเป็นเหมือนฮ่องกง แลนด์ ของเมืองไทย ที่มีการพัฒนาตึกให้เช่า และมีที่ดินเป็นของตัวเองจำนวนมาก ซึ่งแผน 3 ปี เราจะมีโครงการใหม่ๆ ทั้งการซื้ออาคารมาปรับปรุงให้เช่า การสร้างอาคารใหม่ การซื้อโรงแรมเข้ามาบริหาร และยังมีโปรเจ็กต์ที่ต้องทำให้ได้ คือ การสร้างอาคารสำนักงานใหญ่ของกลุ่มซีพี เป็นที่ทำงานของผู้บริหารทุกกลุ่มธุรกิจของซีพีไว้ที่เดียวกัน และมีพิพิธภัณฑ์ซีพีที่มีประวัติตั้งแต่การเริ่มต้นทำธุรกิจรวมอยู่ด้วย ตอนนี้อยู่ระหว่างการหาพื้นที่ ต้องมีขนาดตั้งแต่ 50-100 ไร่ขึ้นไป ซึ่งมีผู้นำเข้ามาเสนอบ้างแล้ว 2-3 แปลง ถ้าสามารถหาที่ดินได้ก็สามารถสร้างเสร็จได้ภายในระยะเวลา 3 ปี และคงมีมูลค่าการลงทุนนับหมื่นล้านบาท หลังจากนั้นก็จะนำเอาอาคารมาให้บริษัทในเครือเช่าทำสำนักงานต่อไปด้วย"
ส่วนแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการให้บริษัท แอสเซท พลัส จำกัด ที่ปรึกษาด้านการเงินเป็นผู้ดำเนินการควบรวม 2 บริษัท ที่ประกอบด้วยบริษัท ซีพี แลนด์ จำกัด และบริษัทซี.พี. พลาซ่า จำกัด ให้เป็นบริษัทเดียว โดยพิจารณาหารูปแบบธุรกิจที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งหลังจากดำเนินการแล้วเสร็จก็จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนต่อไป ปัจจุบันทั้ง 2 บริษัท ได้มีการเตรียมความพร้อมมาก่อนหน้านี้แล้วและถือว่าอยู่ในฐานะที่สามารถจดทะเบียนในตลาดฯ ได้ทันที
"การเข้าตลาดฯ เพื่อต่อไปในอนาคตบริษัททำโครงการใหญ่ๆ ก็สามารถทำพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ได้ ซึ่งโครงการที่พัฒนาขึ้นมาก็ยังเป็นของกลุ่มซีพี ปัจจุบันทั้ง 2 บริษัทมีคุณสมบัติพร้อมที่จะนำเข้าจดทะเบียนได้ทันที แต่ไม่อยากเอาบริษัทใดบริษัทหนึ่งเข้าแล้วถือหุ้น โดยอีกบริษัทหนึ่ง ต้องการให้เป็นหนึ่งเดียว การรวมบริษัททำให้การจดทะเบียนในตลาดฯ ล่าช้าออกไป เพราะการโอนทรัพย์สินระหว่างบริษัทค่อนข้างยุ่งยาก แต่พยายามเร่งให้สามารถจดทะเบียนได้เร็วๆ นี้" นายสุนทร กล่าวและว่า
สำหรับแผนการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย บริษัทเตรียมพัฒนาที่ดินบนเนื้อที่ 70 ไร่ ในเขตมีนบุรีเพื่อพัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยว ภายใต้โครงการโคซี่ พาร์ค (Cozy Park) จำนวน 298 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.5 ล้านบาท ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นการพัฒนาในเฟสต่อเนื่องจากปี 2540 ที่เคยใช้พื้นที่พัฒนาไปก่อนหน้าแล้วประมาณ 30 ไร่ และมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค และพื้นที่ส่วนกลางไว้ทั้งหมดแล้ว ปัจจุบันบริษัทได้รับใบอนุญาตการก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว
ด้านผลประกอบการของซีพี แลนด์กรุ๊ปในปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 1,500 ล้านบาท มีกำไรก่อนหักภาษี 570 ล้านบาท ในปีหน้าคาดว่าจะมีรายได้รวม 2,000 ล้านบาท ซึ่งแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้านั้นยังเชื่อว่า หากมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยได้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคก็สามารถเติบโตได้ ขณะที่อยู่อาศัยยังเป็นสินค้าจำเป็น บริษัทอาจจะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมต่อเนื่องหากในปีหน้าสามารถปิดโครงการแรกเสร็จ โดยอาจจะหาซื้อที่ดินมาพัฒนาหรือนำที่ดินที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาก็ได้ รวมถึงการซื้ออาคารมาปรับปรุงใหม่ อย่างเช่นอาคารพญาไท
นายสุนทร กล่าวอีกว่า ในช่วงกลางปีหน้าจะใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงอาคารฟอร์จูน รัชดาฯใหม่ โดยมีการจัดพื้นที่โซนไอทีใหม่ ประมาณ 7-8 โซน อาทิ โซนไอทีสำหรับผู้หญิง เป็นต้น รวมถึงการปรับปรุงทางเดินและพื้นที่ต่างๆ ภายใน และโฉมใหม่ของอาคารฟอร์จูน ด้วย ส่วนในช่วงเดือนมีนาคม 2553 การปรับปรุงอาคารซี.พี. พญาไท จะแล้วเสร็จ ซึ่งภายหลังจากเปิดดำเนินการแล้วคาดว่าจะมีรายได้จากค่าเช่าเดือนละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ซื้ออาคารมา 800 ล้านบาท และลงทุนอีก 200 ล้านบาทสำหรับการปรับปรุงอาคาร
ปัจจุบันซีพี แลนด์กรุ๊ป มีกระแสเงินสดประมาณ 600 ล้านบาท และไม่มีหนี้สินกับสถาบันการเงินใดๆ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถลงทุนได้แต่ละปีไม่ต่ำกว่า 600-800 ล้านบาท แต่หากบริษัทต้องการขยายการลงทุนเพิ่มจะใช้วิธีการเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งจะไม่ทำให้บริษัทมีภาระด้านดอกเบี้ย ส่วนที่ดินของกลุ่มซีพี แลนด์ ปัจจุบันมีอยู่กว่า 5,000 ไร่ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ จ.ระยอง จำนวน 3,200 ไร่ จ.ปราจีนบุรี จำนวน 1,700 ไร่ จ.นครศรีธรรมราช 100 ไร่ จ.ขอนแก่น จำนวน 10 ไร่ ในกรุงเทพฯ อาทิ เขตมีนบุรี 100 ไร่ บริเวณถนนตรอกจันทน์ 10 ไร่ ภายในโครงการนอร์ธ ปาร์ค 4 ไร่ เป็นต้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,491 27-30 ธันวาคม พ.ศ. 2552

No comments:

Post a Comment